วิธีการแทงหวยรัฐบาล: รูปแบบ อัตราจ่าย (สำหรับผู้เริ่มต้น)

การแทงหวยรัฐบาล หรือที่รู้จักกันในนาม “ลอตเตอรี่” เป็นการเสี่ยงโชคยอดนิยมของคนไทย ที่อยู่คู่สังคมเรามาอย่างยาวนาน หลายคนใฝ่ฝันอยากรวยทางลัด หวังพลิกชีวิตด้วยการถูกรางวัลใหญ่ แต่สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มสนใจ อาจจะยังงง ๆ กับรูปแบบการแทง อัตราจ่าย และกฎกติกาต่าง ๆ

บทความนี้จะเป็นเหมือน “คู่มือฉบับพกพา” สำหรับผู้เริ่มต้น ที่จะพาคุณไปทำความรู้จักกับหวยรัฐบาลแบบ A-Z เริ่มตั้งแต่รูปแบบการแทงหวยรับบาล อัตราจ่าย ขั้นตอนการแทง ไปจนถึงข้อควรระวังต่าง ๆ เพื่อให้คุณเล่นหวยอย่างเข้าใจ ถูกวิธี และปลอดภัย แต่อย่าลืมว่า การพนันทุกชนิดมีความเสี่ยง บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลความรู้เท่านั้น ไม่ได้สนับสนุนให้เล่นการพนัน และควรเล่นอย่างมีสติ รับผิดชอบ ไม่ให้กระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันนะครับพร้อมแล้ว ไปลุยกันเลย 

 

รูปแบบการแทงหวยรัฐบาล

หลังจากทำความรู้จักกับหวยรัฐบาลกันคร่าว ๆ แล้ว มาถึงขั้นตอนที่หลายคนรอคอย นั่นก็คือ “รูปแบบการแทง” นั่นเอง บอกเลยว่า หวยรัฐบาลไม่ได้มีแค่การทายเลข 3 ตัวตรง ๆ เท่านั้น แต่ยังมีรูปแบบการแทงที่หลากหลาย ให้ลุ้น ให้เลือกเล่น ตามความชอบ และเงินในกระเป๋า

ไม่ว่าจะเป็นการแทงเลข 2 ตัว 3 ตัว บน ล่าง โต๊ด เต็ง วิ่ง หรือเลขชุด แต่ละแบบก็มีวิธีการเล่น อัตราจ่าย และความยากง่ายที่แตกต่างกันไป ในส่วนนี้ เราจะพาไปเจาะลึกรูปแบบการแทง พร้อมยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดเจน รับรองว่า มือใหม่ก็เข้าใจง่าย สามารถนำไปปรับใช้ได้จริงแน่นอน 

 

1.เลขท้าย 2 ตัว

มาเริ่มกันที่รูปแบบการแทงยอดนิยมสุดฮิต ที่ใคร ๆ ก็เล่น นั่นก็คือ “เลขท้าย 2 ตัว” นั่นเอง ด้วยความที่เล่นง่าย เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน จึงเป็นที่นิยมในหมู่คอหวยทุกเพศทุกวัย

สำหรับเลขท้าย 2 ตัว ก็คือการทายตัวเลข 2 หลักสุดท้ายของรางวัลที่ออก ซึ่งแบ่งเป็น 2 แบบ คือ

  • 2 ตัวบน: ทาย 2 ตัวสุดท้ายของรางวัลที่ 1
    • เช่น รางวัลที่ 1 ออก 987654 เลขท้าย 2 ตัวบนก็คือ 54
  • 2 ตัวล่าง: ทาย 2 ตัวสุดท้ายของรางวัลเลขท้าย 2 ตัว
    • เช่น รางวัลเลขท้าย 2 ตัวออก 89 เลขท้าย 2 ตัวล่างก็คือ 89

สมมติว่างวดนี้คุณอยากแทงเลข 2 ตัวบน เลข 37 และแทง 2 ตัวล่าง เลข 18 ถ้ารางวัลที่ 1 ออก 123437 แสดงว่าคุณถูกรางวัล 2 ตัวบน หรือถ้ารางวัลเลขท้าย 2 ตัวออก 18 แสดงว่าคุณถูกรางวัล 2 ตัวล่าง

ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว อัตราจ่ายของเลขท้าย 2 ตัวจะอยู่ที่ประมาณ 70-80 บาท ต่อ 1 บาท ที่แทง แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับเจ้ามือแต่ละรายด้วยนะคะ บางเจ้าอาจจะให้มากกว่าหรือน้อยกว่านี้ก็ได้

หลายคนต่างบอกเลยว่า เล่นง่าย ไม่ซับซ้อน เหมาะสำหรับมือใหม่ และมีโอกาสถูกรางวัลมากกว่าเลข 3 ตัว รวมถึงอัตราจ่ายค่อนข้างสูง แต่ถ้าเจ้ามือจ่ายน้อย กำไรก็จะน้อยตามไปด้วย

Tips เล็ก ๆ ที่อยากจะฝากก็คือ ลองใช้สถิติ ดูเลขที่ออกบ่อย ๆ ในงวดก่อน ๆ มาประกอบการตัดสินใจ กระจายความเสี่ยง โดยการแทงหลาย ๆ เลข ที่สำคัญอย่าลืมบันทึกโพย เพื่อป้องกันการผิดพลาดในการรับเงินรางวัล 

2.เลขท้าย 3 ตัว

ถ้าเลขท้าย 2 ตัว ยังไม่จุใจ อยากลุ้นรางวัลใหญ่ขึ้นอีก “เลขท้าย 3 ตัว” เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความยากที่เพิ่มขึ้น และอัตราจ่ายที่สูงขึ้นตามไปด้วย เลขท้าย 3 ตัว คือการทายตัวเลข 3 หลักสุดท้ายของรางวัลที่ออก ซึ่งมีรูปแบบการแทงที่หลากหลายกว่าเลขท้าย 2 ตัว ดังนี้

  • 3 ตัวบน: ทาย 3 ตัวสุดท้ายของรางวัลที่ 1
    • เช่น รางวัลที่ 1 ออก 987654 เลขท้าย 3 ตัวบนก็คือ 654
  • 3 ตัวล่าง: ทาย 3 ตัวสุดท้ายของรางวัลเลขท้าย 3 ตัว
    • เช่น รางวัลเลขท้าย 3 ตัวออก 890 เลขท้าย 3 ตัวล่างก็คือ 890
  • 3 ตัวโต๊ด: ทาย 3 ตัวให้ถูก แต่ไม่จำเป็นต้องตรงตามตำแหน่ง
    • เช่น แทงเลข 654 ถ้าผลออก 456, 546, 564, 645, 654 ก็ถือว่าถูกรางวัล
  • 3 ตัวเต็ง: ทาย 3 ตัวให้ถูก และต้องตรงตามตำแหน่ง
    • เช่น แทงเลข 654 ถ้าผลออก 654 เท่านั้น ถึงจะถูกรางวัล

หากว่างวดนี้คุณอยากแทงเลข 3 ตัวบน เลข 123 แบบเต็ง และแทง 3 ตัวล่าง เลข 789 แบบโต๊ด ถ้ารางวัลที่ 1 ออก 543123 แสดงว่าคุณถูกรางวัล 3 ตัวบนแบบเต็ง หรือถ้ารางวัลเลขท้าย 3 ตัวออก 879 แสดงว่าคุณถูกรางวัล 3 ตัวล่างแบบโต๊ด (เพราะเลขตรงกัน แต่สลับตำแหน่ง)

โดยอัตราจ่าย 3 ตัวเต็ง จะเป็นอัตราจ่ายสูงที่สุด ประมาณ 400-600 บาท ต่อ 1 บาท ที่แทง ส่วน 3 ตัวโต๊ด จะเป็นอัตราจ่ายรองลงมา ประมาณ 100-150 บาท ต่อ 1 บาท ที่แทง และ 3 ตัวบน/ล่าง อัตราจ่ายจะน้อยกว่าแบบเต็งและโต๊ด ขึ้นอยู่กับเจ้ามือ

ซึ่งการแทงหวยเลขท้าย 3 ตัว แน่นอนว่าคุณสามารถลุ้นรางวัลใหญ่ มีโอกาสรวย และมีรูปแบบการแทงให้เลือกหลากหลาย แต่ก็มีโอกาสถูกรางวัลน้อยกว่าเลข 2 ตัว ถ้าแทงแบบเต็ง ต้องทายให้ถูกทุกตำแหน่ง จึงจะได้เงินรางวัล ฉะนั้นถ้าอยากเพิ่มโอกาสถูกรางวัล แนะนำให้แทงแบบโต๊ด ศึกษาวิธีการคำนวณ สถิติ เพื่อช่วยในการเลือกเลข และอย่าลืมว่า ยิ่งอัตราจ่ายสูง ความเสี่ยงก็สูงตามไปด้วย  

3.เลขวิ่ง

สำหรับคนที่ชอบความเรียบง่าย แต่ก็ยังอยากลุ้นรางวัล “เลขวิ่ง” เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจค่ะ เพราะเป็นการแทงเพียงแค่เลขตัวเดียว ทำให้มีโอกาสถูกสูงกว่าเลข 2 ตัว และ 3 ตัว แต่แน่นอนว่า อัตราจ่ายก็จะน้อยกว่าด้วยเช่นกัน

ส่วนวิธีการแทง คุณต้องเข้าใจก่อนเลยว่าเลขวิ่ง คือการทายตัวเลขเพียง 1 ตัว ให้ตรงกับตัวเลขในรางวัลที่ออก ซึ่งแบ่งเป็น 2 แบบ คือ

 

วิ่งบน

ทายเลข 1 ตัว ให้ตรงกับเลขใดก็ได้ในรางวัลที่ 1

เช่น รางวัลที่ 1 ออก 987654 ถ้าแทงเลข 5, 6, 7, 8, 9 หรือ 4 ก็ถือว่าถูกรางวัล

วิ่งล่าง

ทายเลข 1 ตัว ให้ตรงกับเลขใดก็ได้ในรางวัลเลขท้าย 2 ตัว

เช่น รางวัลเลขท้าย 2 ตัวออก 89 ถ้าแทงเลข 8 หรือ 9 ก็ถือว่าถูกรางวัล

สมมติว่างวดนี้คุณอยากแทงเลขวิ่งบน เลข 7 และแทงวิ่งล่าง เลข 3 ถ้ารางวัลที่ 1 ออก 123457 แสดงว่าคุณถูกรางวัลวิ่งบน และถ้ารางวัลเลขท้าย 2 ตัวออก 35 แสดงว่าคุณถูกรางวัลวิ่งล่าง ซึ่งมันเล่นง่าย มีโอกาสถูกรางวัลสูง ใช้เงินทุนน้อย เหมาะสำหรับคนงบน้อย แต่อัตราจ่ายก็น้อยลงเช่นกัน ได้กำไรไม่มาก

สุดท้ายแล้ว จะซื้อเลขไหน ก็มาจบที่ลอตเตอรี่พลัส คลิกเลย